เมื่อเรียนจบแล้ว เราก็เข้าทำงานเป็นสาวออฟฟิศเต็มตัว เราเรียนจบบัญชีมาและแน่นอนว่า สมองเราใช้คิด และคำนวนเกี่ยวกับตัวเลขอยู่ตลอดเวลา อยู่หน้าจอคอมตลอดเวลา มีภาวะตึงเครียด ยิ่งช่วงจะสิ้นเดือนปิดงบประมาณยิ่งหนัก ทั้งเพื่อนร่วมงาน หัวหน้างาน และการทำงานอยู่ในสภาวะตึงเครียดแทบตลอดทั้งสัปดาห์ เลิกงานมีสังสรรบ้างตามโอกาส ดื่มบ้าง นอนดึกเป็นประจำ นอนไม่เป็นเวลา ทำให้เราเริ่มมีอาการปวดหัวหนักขึ้น ช่วงแรกๆเราทานพาราเพื่อบรรเทาอาการ แล้วอาการปวดหัวก็เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเราทำแบเดิมอยู่ซ้ำๆ วนเวียนกันในทุกๆเดือน บ้างเดือนเราปวดทั้งเบ้าตา ปวดท้ายทอย บ้างครั้งจนถึงขั้นอาเจียนเลยก็มี

หลังๆมานี้พออากาศเปลี่ยน ยิ่งช่วงหน้าร้อน ยิ่งทำให้เราปวดหัวมากขึ้น บางครั้งตาพร้ามัว กินอาหารผิดนิดๆหน่อยๆ ก็มีอาการ จนบ้างครั้งปวดมากจนถึงขั้นทานบูเฟน เป็นยาแก้ปวดคลายกล้ามเนื้อ เพื่อบรรเทาอาการตึงเครียด แต่อาการก็ดีขึ้นชั่วขณะจนต้องไปพบแพทย์ เป็นหนักจนต้องทานยาคลายเครียด และยาอีกหลายๆตัวเลย ค่าหมอค่ายาค่าเดินทาง หมอที่ไหนเก่ง แก้ไมเกรนเฉพาะก้ไป แต่ก็รักษาได้แค่ชั่วคราวก็กลับมาเป็นใหม่
จนเวลาล่วงเลยมา3-4 ปี จนลองหาวิธีการแก้ไมเกรน ในรูปแบบอื่นๆ เพือว่าอาการจะดีขึ้นบ้าง เพราะรู้สึกไม่ไหวกับการทานยา เบื่อกับการกินยาเยอะๆ เป็นเวลานาน เพาระยาเหล่านั้นมีส่วนประกอบของสารเคมีส่งผลไม่ดีต่อร่างกายใยระยะยาว รู้สึกง่วงตลอดเวลา ร่างกายไม่สดชื่น ยิ่งนับวันอาการก็หนักขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีสมาธิ อยู่ในสภาวะตึงเครียดตลอดเวลา
จนหาข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาไมเกรนรูปแบบต่างๆ จนมาเจอการนวดรักษาแก้อาการไมเกรน ลองไปนวดครั้งแรกรู้สึกเบาตัวเลย แต่อาการไมเกรนก็ยังคงอยู่ แต่ก็รู้สึกดีขึ้นชั่วคราว นวดบ่อยทุกสัปดาห์ จนติดการนวด แต่อาการไมเกรนก็ยังไม่หาย

จนได้มาเจอนวดแก้อาการแถวสาทรสวนพลู เป็นการนวดรักษาอาการไมเกรนโดยเฉพาะ รักษาครั้งแรกรู้สึกว่าอาการดีขึ้น ช่วงแรกๆนวดทุกๆสัปดาห์ รู้สึกว่าอาการดีขึ้นเรื่อยๆ เรานวดกับ siri beauty clup
นวดมาสองเดือนแล้ว อาการไมเกรนเราดีขึ้นเยอะเลย ช่วงนี้เราเลยนัดห่างขึ้น เป็นสองสัปดาห์ครั้ง อยากแนะนำใครหลายๆคนที่ยังเป็นไมเกรนแล้ว ไม่อยากกินยาบ่อย ที่นี้เลยค่ะ ได้คำแนะนำดีๆ